Spread the love

เช็ก ดอกเบี้ยบ้านปี 2564 เดือนพฤศจิกายน จาก 7 สถาบันการเงิน พร้อมวิธีคำนวณดอกเบี้ยบ้านด้วยตัวเองแบบคร่าวๆ ไม่ต้องไปธนาคารก็ทำได้

ดอกเบี้ยบ้านเดือนพฤศจิกายนแบงก์ไหนน่าสนใจบ้าง ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญานที่ดีขึ้น ทั้งจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ การประกาศนโยบายเปิดประเทศ ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พยายามเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป เชื่อว่าก็ยังมีหลายคนที่วางแผนซื้อบ้าน ยิ่งตอนนี้บรรดาโครงการต่างๆจัดโปรโมชันกระตุ้นยอดขายกันอย่างดุเดือด ดังนั้น TNN Online จึงรวบรวมอัตราดอกเบี้ยของแต่ธนาคารมาฝากกัน

ดอกเบี้ยบ้านเดือนตุลาคม 2564 ของ 7 ธนาคาร

ธนาคาร อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำเฉลี่ย 3 ปีแรก อัตราดอกเบี้ย MRR วงเงินกู้สูงสุด ระยะเวลากู้(ปี)
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 1.99% 6.15% 1,200,000 บาท 40
ธนาคารกรุงศรี 2.55% 6.05% 100% ขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด
ธนาคารกรุงเทพ 2.73% 6.22% 70-100% 40
ธนาคารทหารไทยธนชาต 2.75% 6.28% ขั้นต่ำ 5 แสนบาท สูงสุด 50 ล้านบาท 35
ธนาคารกรุงไทย 2.80% 6.22% 100% 40
ธนาคารไทยพาณิชย์ 5.95% 5.99% 100% 30
ธนาคารกสิกรไทย ตามธนาคารกำหนด 5.97% ไม่เกิน 100% 30

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย (อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 7 ต.ค.64) *** อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน เฉลี่ย 3 ปีแรก เป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดและเป็นการคำนวณทางค่าเฉลี่ยคณิตศาสตร์เท่านั้น*** ธนาคารอาคารสงเคราะห์

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 1.99% เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก จากสินเชื่อนโยบายรัฐ โดยมีระยะเวลาผ่อนสูงสุด 40 ปี ผ่อนเดือนละ 5,000 บาท เงินงวดคงที่ 84 งวด (7 ปีแรก) และมีวงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อราย / ต่อหลักประกัน

โดยกำหนดระยะเวลายื่นคำขอกู้เงินตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2564 และสิ้นสุดระยะเวลาทำนิติกรรมวันที่ 30 ธันวาคม 2566 หรือ เมื่อธนาคารให้สินเชื่อเต็มกรอบวงเงินของโครงการ ทั้งนี้ ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการกําหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการก่อนกําหนด หากธนาคารให้สินเชื่อเต็มวงเงินของโครงการแล้ว

นอกจากนั้น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (G H Bank) ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อกู้ซื้อบ้านที่น่าสนใจ คือ สินเชื่อบ้านคนละหลัง ซึ่งเปิดให้ทำนิติกรรมตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 และสิ้นสุดการทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 โดยให้วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อรายต่อหลักประกัน

และมีระยะเวลาการกู้ไม่น้อยกว่า 6 ปี และไม่เกิน 40 ปี โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ยกเว้น ข้าราชการตุลาการ อัยการ หรืออื่น ๆ ที่มีอายุเกษียณมากกว่า 60 ปี ให้ใช้อายุผู้กู้เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 75 ปี โดยทางธนาคารสงวนสิทธิ์ในการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการก่อนกำหนด หากธนาคารให้สินเชื่อเต็มวงเงินของโครงการแล้ว โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.08% เท่านั้น

สามารถดูรายละเอียดสินเชื่อ หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เว็บไซต์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คลิกที่นี่ ธนาคารกรุงศรี

ธนาคารให้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อยู่ที่ 2.55% สำหรับคอนโด ที่มีราคาตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป และ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และคอนโด ที่มีราคาตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ (แพทย์, สัตวแพทย์, ทันตแพทย์, เภสัชกร, ผู้พิพากษา และนักบินพาณิชย์) และ ลูกค้ากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ (สำหรับผู้มีเงินฝากและ/หรือเงินลงทุนกับธนาคาร 5 ล้านบาทขึ้นไป)

อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านสำหรับ “คู่เพื่อน” ที่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกัน โดยมีความแตกต่างการจากกู้ร่วมแบบเดิม คือ ไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับผู้กู้ แต่จะพิจารณาจากรายได้ ศักยภาพในการชำระคืน และเครดิตของผู้กู้ทั้ง 2 ท่าน รวมถึงการตรวจสอบเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ และต้องเป็นการขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยใหม่จากโครงการในกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์พันธมิตรซึ่งธนาคารให้การสนับสนุนโดยราคาซื้อขาย (หลังหักส่วนลดทั้งหมดแล้ว) ตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป

วงเงินกู้สูงสุดของแต่ละผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 100% ของราคาประเมินและราคาซื้อขาย รวมไปถึงสิทธิพิเศษจากธนาคาร คือ ดอกเบี้ยคงที่ 0.75% ต่อปี นาน 1 ปี ฟรีค่าประเมินหลักประกัน และฟรีค่าจดจำนองเมื่อซื้อ MRTA / MLTA ตามเงื่อนไขที่กำหนด

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ ธนาคารกรุงศรี คลิกที่นี่ ธนาคารกรุงเทพ

ธนาคารกรุงเทพ เป็นสถาบันทางการเงินที่มีผลิตภัณฑ์และมีอัตราดอกเบี้ยให้เลือกที่หลากหลาย โดยให้วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 70-100% ของมูลค่าหลักประกัน และมีอัตราดอกเบี้ยคงที่เฉลี่ย 3 ปีต่ำที่สุดอยู่ที่ 2.73% ใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก = 1.75% และปีที่ 2= 2.50% ส่วนปีที่ 3 ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR-2% โดยอ้างอิง MRR-5.9500%

โดยผลิตภัณฑ์ที่มีดอกเบี้ยต่ำที่สุดที่ 2.73% ของ ธนาคารกรุงเทพ มีเงื่อนไขในการขอสินเชื่อบ้าน คือ ผู้กู้สินเชื่อต้องเป็นกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ คือ แพทย์ ผู้พิพากษา อัยการ และนักบิน หรือ พนักงานประจำที่มีเงินเดือนมากกว่า 200,000 บาท และต้องทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ

*ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อดังกล่าวเป็นอัตราดอกเบี้ยสําหรับผู้ที่ยื่นคําขอตั้งแต่ 5 ก.ค. – 30 ก.ย. 2564 เท่านั้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ ธนาคารกรุงเทพ คลิกที่นี่

ธนาคารทหารไทยธนชาต

ธนาคารทหารไทยธนชาต คิดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีต่ำที่สุดอยู่ที่ 2.75% แต่มีเงื่อนไข คือ โครงการที่กู้ซื้อนั้นต้องเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่ธนาคารกำหนด (Top Selective Developers) และต้องสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริมทั้ง 3 ประเภท โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) กำหนดประกอบไปด้วย โครงการบ้านและคอนโดจากแสนสิริ, โครงการบ้านและคอนโดจากอนันดาฯ และโครงการบ้านและคอนโดจากเอพี (ไทยแลนด์) เป็นต้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ ธนาคารทหารไทยธนชาตคลิกที่นี่

ธนาคารกรุงไทย

ในส่วนของกรุงไทย จะมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านใหม่ แบบทำประกัน มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.80% โดยจะมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก=0.75% ปีที่ 2 และปีที่ 3=MRR-2.40% ส่วน กรณีการขอสินเชื่อบ้านใหม่ แบบไม่ได้ทำประกัน ของ ธนาคารกรุงไทย มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.90% แบ่งเป็นปีแรก=1.00% ปีที่ 2=2.40% และปีที่ 3=MRR-2.35โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเงินให้ MRR ปัจจุบันที่ 6.22%

นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคลากรภาครัฐ โดยทางธนาคารใช้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบกำหนดระยะเวลา (MLR) เป็นตัวกำหนดดอกเบี้ย โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 3.83% โดยสินเชื่อของกรุงไทยจะให้กู้นานสูงสุดถึง 40 ปี

สามารถศึกษาเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของ ธนาคารกรุงไทย คลิกที่นี่

    • ธนาคารไทยพาณิชย์
  • สำหรับ ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้วงเงินกู้สูงสุด 100% จากราคาประเมินหลักประกัน กรณีลูกค้าโครงการ / ลูกค้าองค์กร จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ขึ้นอยู่กับประเภทโครงการ หรือประเภทองค์กร โดยผลิตภัณฑ์อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อกู้ซื้อบ้านใหม่ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบที่ 1 (ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อมากกว่า 70% ของวงเงินกู้) มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปีแรกอยู่ที่ 5.95% และแบบที่ 2 (ไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ) มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปีแรกอยู่ที่ 5.995%*ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อดังกล่าวเป็นอัตราดอกเบี้ยสําหรับผู้ที่ยื่นคําขอตั้งแต่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 2564 เท่านั้น
  • เช็กข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ คลิกที่นี่
  • ธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารกสิกรไทย แบ่งผลิตภัณฑ์การขอสินเชื่อบ้าน 2 รูปแบบ คือ สำหรับพนักงานที่มีรายได้ประจำ โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 7.72% และสินเชื่อบ้านสำหรับ ผู้ประกอบการ มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 8.22% โดยทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ และดอกเบี้ยดังกล่าวอยู่ในเงื่อนไขของการทำประกัน

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อทั้งหมด สำหรับพนักงานบริษัท และผู้ประกอบการ มีวงเงินกู้สูงสุดได้ไม่เกิน 90% ของราคาซื้อขาย และไม่เกิน 90% ของราคาประเมินหลักประกัน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มที่เว็บไซต์ ธนาคารกสิกรไทย คลิกที่นี่

ภาพประกอบ : TNN Online

วิธีคำนวณดอกเบี้ยบ้าน อัปเดตล่าสุด 2564 หากต้องการคำนวณดอกเบี้ยธนาคารแบบง่าย ในแต่ละธนาคารก็จะมีเครื่องมือคำนวณสำเร็จรูปไว้ให้เราได้ใช้ เพื่อประเมินและวางแผนการใช้จ่ายของเราได้ โดยยังไม่ต้องเดินทางไปยังธนาคารก็ได้ หากมีแผนที่จะยื่นกู้แล้ว การคำนวณดอกเบี้ยก่อนในเบื้องต้นก็จะช่วยให้เราวางแผนการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างการคำนวณ : ใช้อัตราส่วนการผ่อนชำระเบื้องต้นที่ 1,000,000 : 7,000

หากกู้ซื้อบ้านในราคาประเมิน 2,000,000 บาท สามารถคิดเป็นยอดชำระเริ่มต้นต่อเดือนจากวงเงินกู้ได้ที่ประมาณ 14,000 บาทต่อเดือน

**การคำนวณเบื้องต้นมาจากตัวเลขที่สมมติขึ้น โดยใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.89% ตลอดปีที่ 1-3

เช่น กู้ซื้อบ้านกับธนาคารแห่งหนึ่งที่มีดอกเบี้ยเฉลี่ยทั้ง 3 ปีอยู่ที่ 2.89% โดยแบ่งชำระเป็นจำนวนเงิน 14,000 บาทต่อเดือน ตลอดระยะเวลา 3 ปี รวมเป็นยอดชำระทั้งหมด 504,000 บาท แบ่งเป็นเงินต้น 347,196.69 บาท และคิดเป็นดอกเบี้ย 156,803.34 บาท

หมายเหตุ ** การคำนวณเงินต้นและดอกเบี้ยตามกรณีตัวอย่างด้านบนเป็นการคำนวณเบื้องต้น 3 ปีแรกเท่านั้น และการคำนวณดังกล่าวเป็นการคาดคะเน อัตราจริงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร**

อย่างไรก็ตาม อัตราสินเชื่อบ้านโดยส่วนใหญ่จะเปลี่ยนแปลงไม่บ่อยมากนัก ประมาณ 1 ไตรมาสหรือครึ่งปีต่อครั้ง ซึ่งการปรับเปลี่ยนของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านขึ้นอยู่กับปัจจัยที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารแต่ละแห่งด้วย และหากต้องการข้อมูลอย่างละเอียด แนะนำว่าให้ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคารที่เราต้องการขอยื่นสินเชื่อโดยตรง หรือ โทรสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สินเชื่อ เพื่อที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ที่สำคัญควรศึกษาข้อมูลหลายๆธนาคารเพื่อนำมาเปรียบเทียบว่ายื่นกู้กับธนาคารไหนตอบโจทย์และคุ้มค่ากับเราที่สุด เพราะหนี้บ้านนั้น จะเป็นหนี้ก้อนโตที่อยู่กับเราไปอีกหลายสิบปี !!

Cr. https://www.tnnthailand.com/news/tnnexclusive/77036/


Spread the love